วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทรัพย์สินทางปัญญา

1 ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง 

ทรัพย์สินทางปัญญา หมายถึง ผลงานอันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นทรัพย์สินอีกชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น นาฬิกา รถยนต์ โต๊ะ เป็นต้น และอสังหาริมทรัพย์ คือ ทรัพย์สินที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น บ้าน ที่ดิน เป็นต้น

2 ลิขสิทธิ์ หมายถึง

งานหรือความคิดสร้างสรรค์ในสาขาวรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม งานภาพยนต์ หรืองานอื่นใดในแผนกวิทยาศาสตร์ลิขสิทธิ์ยังรวมทั้ง

3 สิทธิบัตร หมายถึง

หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ (Invention) การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) หรือ ผลิตภัณฑ์อรรถประโยชน์ (Utility Model) ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด

4 เครื่องหมายทางการค้า หมายถึง

เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์หรือตราที่ใช้กับสินค้า หรือบริการ ได้แก่
เครื่องหมายการค้า (Trade Mark) คือเครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายเกี่ยวข้องกับสินค้าเพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น เช่น โค้ก เป๊ปซี่ บรีส แฟ้บ เป็นต้น
เครื่องหมายบริการ (Service Mark) คือ เครื่องหมายที่ใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับการบริการ เพื่อแสดงว่าบริการที่ใช้เครื่องหมายนั้นแตกต่างกับบริการที่ใช้เครื่องหมายบริการของบุคคลอื่น เช่น เครื่องหมายของสายการบิน ธนาคาร โรงแรม เป็นต้น
เครื่องหมายรับรอง (Certification mark) คือเครื่องหมายที่เจ้าของเครื่องหมายรับรองใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้าและบริการของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของสินค้า หรือบริการนั้น เช่น เชลล์ชวนชิม แม่ช้อยนางรำ เป็นต้น
เครื่องหมายร่วม (Collective Mark) คือ เครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมาบบริการที่ใช้โดยบริษัทหรือรัฐวิสาหกิจในกลุ่มเดียวกัน หรือโดยสมาชิกของสมาคม กลุ่มบุคคล หรือองค์กรอื่นใดของรัฐหรือเอกชน เช่น ตราช้างของบริษัทปูนซิเมนไทย จำกัด เป็นต้น

5 กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ 

พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ก็มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะบุคลากรและเจ้าหน้าที่ของภาครัฐเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนเมื่อเกิดภัยสารสนเทศหรือการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ดังนั้น พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจึงควรรับทราบและมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและภัยทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ รวมไปถึงบทบัญญัติกฎหมายและอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่และให้คำแนะนำ ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างถูกต้อง
 พระราชบัญญัติการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี พ.ศ.2548โดยที่ปัจจุบันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบผลิตภัณฑ์ซีดีได้ทวีความรุนแรงจนกระทั่งกลไกของรัฐที่มีอยู่ไม่สามารถที่จะควบคุม หรือป้องปรามการละเมิดดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเห็นสมควรมีมาตรการกำกับดูแลการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี โดยการกำหนดขั้นตอนการแจ้งการผลิตสำหรับผู้ที่ประสงค์จะประกอบการผลิต การครอบครองเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ตลอดจนการรายงานปริมาณและสถานที่เก็บวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างกลไกการป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้นรวมทั้งจะทำให้การจัดเก็บภาษีอากรได้ผลเต็มที่ ทั้งจะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดีดำเนินการผลิตสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

         





วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลดภัย


ทันภัยการใช้ Internet

 ภัยที่เกิดกับบุคคล


ภัยที่เกิดกับบุคคลมักเกิดจากการหลอกลวง การกลั่นแกล้ง โดยผลที่ได้รับอาจจะทำให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายเกิดความอาย เสียเงิน จนถึงขั้นเสียชีวิต ดั้งนั้นควรระมัดระวังในการใช้งาน

ตัวอย่างภัยที่เกิดกับบุคคล

1. การกลั่นแกล้งโดยผ่านทาง Webboard เช่น  นาย ก. มีความเกลียดชังนาย ข. จึงไปเขียนลงบน Webboard โดยกล่าวร้ายกับนาย ข. จึงทำให้นาย ข. เกิดความอับอาย

 2. การหลอกลวงผ่านทางโฆษณาขายสินค้าด้วยวิธีการประมูล โดยผู้ที่จะเข้าร่วมประมูลต้องลงทะเบียนสมาชิกของเว็บไซต์ หลังจากนั้นผู้ซื้อจะต้องเสนอราคาซื้อแข่งขันกับผู้ซื้อรายอื่น เมื่อเสร็จสิ้นการประมูลถือว่ามีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างผู้ประมูลและผู้เสนอขาย ในรายงานพบว่าเป็นการหลอกลวงมีหลายรูปแบบ เช่น ผู้ขายไม่ส่งมอบสินค้าเพราะไม่มีสินค้าอยู่จริง การปั่นราคาสินค้าสูงกว่าปกติ

3.การชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต มีทั้งฝ่ายผู้ซื้อหลอกลวงผู้ขาย และผู้ขายหลอกลวงผู้ซื้อ เช่น ผู้ซื้อสั่งซื้อสินค้าเมื่อมีการตัดบัตรเครดิต หรือการหลอกขายสินค้าแล้วขอเบอร์บัตรเครดิต และรหัสแล้วนำไปทำบัตรปลอมเพื่อซื้อสินค้าอีกต่อ

4. การล่อลวงไปกระทำมิดีมิร้ายกับผู้หญิง เช่นล่วงละเมิดทางเพศ ดังที่ปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ส่วนมากจะมาในรูปแบบของการใช้งานโปรแกรม Chartroom ต่างๆ

5. เด็กที่เข้าเว็บที่มีการเสนอในทางรุ่นแรงอาจทำให้เด็กมีนิสัยชอบความรุนแรงมากยิ่งขึ้น


การป้องกันภัยที่เกิดกับบุคคล


1. ไม่ควรสนทนา (Chart) กับบุคคลอื่นที่ไม่รู้จัก หรือไว้ใจได้

2. ไม่ควรใส่ชื่อที่อยู่จริงกับเว็บที่ไม่น่าไว้ใจ

3. ระลึกอยู่เสมอว่า บุคคลที่เรารู้จักทางเว็บอาจจะเป็นบุคคลที่ไม่พึงประสงค์

4. ระวังตัวทุกครั้งที่มีการลงทะเบียนกับเว็บต่างๆ เพราะท่านอาจกำลังตกอยู่ในสายตาของผู้ไม่ประสงค์ดี ที่กำลังจับตามองท่านอยู่  

5. จงคิดไว้เสมอว่า ไม่มีใครยอมเสียผลประโยชน์ ถ้าไม่ได้อะไรตอบแทน

6. ทุกครั้งที่คนมาชวนสร้างรายได้ โดยทำ ธุระกรรมผ่านทางเว็บจงคิดเสมอว่า รายได้ที่สูงเกินความจริงอาจตกอยู่กลลวงของผู้ประสงค์ร้าย

7. การไปพบปะกับบุคคลที่ติดต่อผ่านทางเว็บไม่ควรไปอยู่ในที่ลับตา ควรอยู่ในที่รโหฐาน

8. ผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้ลูกเข้าเว็บที่ต้องห้าม หรือเว็บที่มีการนำเสนอภาพรุนแรง

9. การตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับลูกควรอยู่ในสายตาของผู้ปกครอง เช่นห้องรับแขก ห้องพักผ่อน

10. เมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ไกล้ตัวท่านมีลักษณะการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปควรรีบเสาะหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อป้องกับเหตุร้ายที่จะตามมา

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

1. World Wide Web (WWW) เครือข่ายใยแมงมุม เป็นการเข้าสู่ระบบข้อมูลอย่างข้อมูลในรูปของ Interactive Multimedia คือ มีทั้งรูปภาพ ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดีโอ อีกทั้งข้อมูลเหล่านี้ยังใช้ระบบที่เรียกว่า hypertext กล่าวคือ จะมีคำสำคัญหรือรูปภาพในข้อมูลนั้นที่จะช่วยให้ท่าน เข้าสู่รายละเอียดที่ลึกและกว้างขวางยิ่งขึ้น คำสำคัญดังกล่าวจะเป็นคำที่เป็นตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ เพียง แต่ท่านเลือกกด ที่คำ ที่เป็นตัวหนาหรือขีดเส้นใต้ นั้น ๆ ท่านก็สามารถเข้าสู่ข้อมูลเพิ่มเติมได้ (ข้อมูลเหล่านี้จะมีผู้สร้างขึ้นมาและเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ต่าง ๆ ทั่วโลก)






















2. ไปรษณีย์อิเลคทรอนิคส์ (Electronic Mail หรือ E-Mail) เป็นบริการหนึ่งบนอินเทอร์เนตที่คนนิยมใช้กันมากคือส่งจดหมายโดยทางคอมพิวเตอร์ถึงผู้ที่มีบัญชีอินเตอร์เน็ต ด้วยกันไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลคนละซีกโลกจดหมายก็จะไปถึงอย่างสะดวกรวดเร็วและง่ายดายโปรแกรมที่ใช้ ได้แก่ Hotmail , YahooMail , ThaiMail และยังมี Mail ต่าง ๆ ที่ให้บริการอย่างมากมายในปัจจุบัน ตามหน่วยงานหรือ องค์กรต่าง ๆ

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2556

คำสั่งต่าง ๆ  ในภาษา html

ลำดับ
รูปแบบคำสั่ง
ความหมาย
1.
 <H..>   message   </H..> การกำหนดหัวเรื่อง
 <BR> ขึ้นบรรทัดใหม่
3.
 <P>   message   </P> ขึ้นย่อหน้าใหม่
4.  
<blockquote> message </blockquote> บล็อคข้อความ
5.
 <CENTER>   message   </CENTER> จัดให้อยู่กึ่งกลาง
6.
 <HR>  การสร้างเส้นในเอกสาร
7.
 <B>   message   </B> ตัวอักษรหนา
8.
 <I>   message   </I> อักษรเอียง
9.  
<U>   message   </U> ขีดเส้นใต้
10. 
<TT>   message   </TT> ตัวพิมพ์ดีด
11.
 <S>   message   </S> มีเส้นพาดกลางข้อความตัวอักษร
12.
 <BLINK>   message   </BLINK> ตัวอักษรกระพริบ
13
 <Address>   message   </Address> อักษรกี่ยวกับ E-mail เลขโทรศัพท์
14.
 <BIG>   message   </BIG> อักษรตัวโต
15.
 < SMALLP>   message   </SMALL> อักษรตัวเล็ก
16.
 <VAR>   message   </VAR> รูปแบบข้อความ,ค่าตัวเลข
17.
 <Font color= colormane>    การกำหนดสีให้กับตัวอักษร (Color)
18.
 <Font Text= colormane>  กำหนดสีให้กับตัวอักษรทั้งเอกสาร
19.
 <MARQUEE> message </MARQUEE>  การสร้างอักษรวิ่ง
20.
 <Font Size= n>   message   </Font> กำหนดขนาดตัวอักษรโดยใช้เลข (1-7)
      คำสั่ง ต่าง ๆ ในการสร้างเว็บเพจด้วยภาษา  HTML
            1.  การกำหนดข้อความลงใน Title bar                  <title> ข้อความที่ต้องการให้ปรากฏลงบน Title Bar </title>
            2.  การกำหนดขนาดของหัวเรื่อง  มีอยู่ 6 ระดับ คือ H1, H2, H3, H4, H5 และ H6 โดยจะเรียงจากขนาดใหญ่ไปหาเล็ก
H1จะมีขนาด 21 pixel และตัวหนา
H2จะมีขนาด 17 pixel และตัวหนา
H3จะมีขนาด 14 pixel และตัวหนา
H4จะมีขนาด 12 pixel และตัวหนา
H5จะมีขนาด 11 pixel และตัวหนา
H6จะมีขนาด 9 pixel และตัวหนา
เช่น 
<Html>จะได้
<Body>
<H1> H1 </H1>
H1
<H2> H2 </H2>
H2
<H3> H3 </H3>
H3
<H4> H4 </H4>
H4
<H5> H5 </H5>
H5
<H6> H6 </H6>
H6
</Body> 
</Html> 

            3.  การกำหนด background
             <body bgcolor="color">
                 การกำหนดสีของ background ทำได้โดยการเพิ่มคำสั่ง bgcolor ลงใน <body>  color คือ ชื่อสีหรือcode   สีที่จะใช้กำหนดสีของ background  ชื่อสีเช่น black white blue green red ฯลฯ   Code สี คือเลขฐาน16 คือ (0-9,A-F) 6 ตัวซึ่งแทนค่าในสีต่าง ๆ  2  ตัวแรกจะแทนค่าสีแดง 2 ตัวกลางจะแทนสีเขียว ส่วน 2 ตัวหลังจะแทนสีน้ำเงิน     
            4.  การใช้ภาพเป็น Background
            <body background="URL">
            5.  การใส่ข้อความ (Font)
           <Font> ....... </Font>
            ขนาดตัวอักษร  จะมีขนาด -1ถึง+7  โดยเลข -1 จะเล็กที่สุด และ +7 จะมีขนาดใหญ่ที่สุด 
            ดังตัวอย่างขนาดตัวอักษร 1 - 7
                                                size=1 จะมีขนาด 8 pixel
                                                size=2 จะมีขนาด 10 pixel
                                                size=3 จะมีขนาด 12 pixel
                                                size=4 จะมีขนาด 14 pixel
                                                size=5 จะมีขนาด 18 pixel
                                                size=6 จะมีขนาด 24 pixel
                                                size=7 จะมีขนาด 36 pixel
           เช่น

<font size=7>size=7</font>
<font size=6>size=6</font>
<font size=5>size=5</font>
<font size=4>size=4</font>
<font size=3>size=3</font>
<font size=2>size=2</font>
<font size=1>size=1</font>
<font size=0>size=0</font>

size=7
size=6
size=5
size=4
size=3
size=2
size=1
size=0
            คำสั่ง font นี้นอกจากจะสามารถกำหนดขนาดของตัวอักษรได้แล้ว ยังสามารถใช้ในการกำหนดสีสันให้กับตัวอักษรได้อีกด้วย ซึ่งจะใช้ คำสั่ง color="สีที่ต้องการ" ในการกำหนดสี ซึ่งสีที่ต้องการนี้ เราสามารถกำหนดออกมาเป็นชื่อของสีตรงๆ หรือว่าจะใช้ รหัสของสี ก็ได้ โดยรหัสของสีนี้จะเป็นเลขฐาน 16 จำนวน 6 หลัก ซึ่งการใช้รหัสของสีจะช่วยให้เราสามารถ กำหนดสีได้มากกว่าการอ้างถึงชื่อของสีโดยตรง เช่น
<font color="#000FFF">color="#000FFF"</font>
<font color="red">color="red"</font>
color="#000FFF"
color="red"
           การใส่ข้อความลงในโฮมเพจสามารถใส่ลงไประหว่าง <body> .... </body> ได้เลย  ตัวอย่างเช่น
                      <body>
                                            การสร้างเว็บเพจของผม  จัดทำเรื่อง  แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา 
                      </body>
           6.  คำสั่งขึ้นบรรทัดใหม่
           คำสั่งสำหรับขึ้นบรรทัดใหม่ใช้คำสั่ง <br> วางไว้ท้ายข้อความที่ต้องการ  ตัวอย่างเช่น
            <body>
            HTML<br>
            Java script<br>
            Java applet<br>
            </body>
           7.  การกำหนดสีของเส้นคั่น (เฉพาะ IE)             <hr color="Code สี">
            ทำได้โดยการเติม code สีที่ต้องการลงไปได้เลย Code สี
            ตัวอย่าง เช่น <hr noshade size="10" align="center" color="cc66cc">     

           8.  การกำหนดตัวเอียง ตัวหนา และ ตัวขีดเส้นใต้
           <b> = ตัวหนา
           <i> = ตัวเอียง
           <u> = ตัวขีดเส้นใต้

            <b>HTML</b><br>
            <i>HTML</i><br>
            <u>HTML</u><br>

           9.  การจัดหน้ากระดาษ
           <center> text </center>
           <center> ใช้สำหรับ จัดกึ่งกลางหน้ากระดาษ
           10.  การย่อหน้า
           <Pre> ....... </Pre>  
           เป็นคำสั่งที่ใช้ในการกำหนดให้ข้อความอยู่ในย่อหน้าตามที่เรากำหนด
           11.  คำสั่งการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ 
           เราจะใช้คำสั่ง <Img src="ชื่อไฟล์"> ซึ่งจะมีตัวช่วยในการจัดรูปแบบเพิ่มเติม ดังนี้
    • ALIGN ใช้กำหนดตำแหน่งการจัดวางของรูปภาพ
      • ALIGN=TOP วางส่วนบนของรูปภาพไว้ที่ baseline ของบรรทัด
      • ALIGN=LEFT วางตำแหน่งของรูปภาพ ไว้ที่ด้านซ้ายของเอกสาร
      • ALIGN=RIGHT วางตำแหน่งของรูปภาพไว้ที่ด้านขวาของเอกสาร
      • ALIGN=MIDDLE วางส่วนกลางของรูปภาพไว้ที่ baseline ของบรรทัด
      • ALIGN=BOTTOM วางส่วนล่างของรูปภาพไว้ที่ baseline ของบรรทัด
    • WIDTH จะใช้ในการกำหนดความกว้างของรูปภาพ
    • HEIGHT ใช้ในการกำหนดความสูงของรูปภาพ
    • BORDER ใช้กำหนดการแสดงเส้นขอบรูป
    • VSPACE ใช้กำหนดระยะห่างทางด้านบน, ล่าง
    • HSPACE ใช้กำหนดระยะห่างทางด้านซ้าย, ขวา
           12.  การเชื่อมโยงข้อมูลบนโฮมเพจ 
           การเชื่อมโยงข้อมูล ถูกกำหนดขึ้นด้วยชุดคำสั่ง A (Anchor) การแทรกชุดคำสั่ง A จะเป็น
การแจ้งให้ browser ทราบว่าส่วนดังกล่าว เป็นจุดเชื่อมโยงข้อมูล ชุดคำสั่ง A จะต้องใช้ร่วมกับ HREF หรือ NAME เสมอ โดย
           <A HREF="xxxx"> จะใช้เพื่อบอกว่าจะเชื่อมต่อไปที่ใด
           <A NAME="xxxx"> ทำหน้าที่เป็นตำแหน่งอ้างถึงบนเอกสาร
           โครงสร้างของ HTML จะเป็นดังนี้
           <A HREF="เป้าหมายที่จะไป">สิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็น link</A>  
           คือ สิ่งที่จะถูกกำหนดให้เป็น link ซึ่งเป็นได้ทั้งข้อความ และรูปภาพ หากมีการระบุให้เป็น link แล้ว เมื่อนำเมาส์ไปชี้บน link นั้น สัญลักษณ์เมาส์จะเปลี่ยนเป็นรูปมือชี้ หากจุด link เป็นข้อความ ก็จะเห็นข้อความมีขีดเส้นใต้ด้วย
      

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โปรแกรมคอมพิวเตอร์

1. โปรแกรมคอมพิวเตอร

โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (อังกฤษ: computer program) คือ กลุ่มชุดคำสั่งที่ใช้อธิบายชิ้นงาน หรือกลุ่มงานที่จะประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจหมายถึง ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรือ โปรแกรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่นั้นเป็นชุดคำสั่งที่ออกแบบตามอัลกอริทึม โดยปกติแล้วเขียนโดยโปรแกรมเมอร์ หรือไม่ก็สร้างโดยโปรแกรมอื่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชุดหนึ่ง ๆ อาจเขียนขึ้นด้วยระบบรหัส หรือที่เรียกว่า ภาษาเครื่อง ซึ่งมักเขียนได้ยากและเหมาะกับช่างเทคนิคเฉพาะทาง ภายหลังจึงได้มีการสร้างภาษาโปรแกรมที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์มากขึ้น เช่น ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ภาษาซี (C) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาเบสิก (BASIC) ภาษา C# ภาษาจาวา เป็นต้น ผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์อาจเขียนโปรแกรมไว้ใช้ส่วนตัว หรือเพื่อให้ผู้อื่นใช้ต่อ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมประยุกต์หรือไลบรารี เช่น โปรแกรมสำหรับวาดภาพ (graphics) โปรแกรมประมวลผลคำ (word processing) โปรแกรมตารางจัดการ (spread sheet) โปรแกรมระบบ (systems software) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมักติดตั้งมาจากโรงงานที่ผลิต และโปรแกรมระบบปฏิบัติการ (operating system) ที่จะทำหน้าที่เหมือนผู้จัดการคอยดูแลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทำงานให้ประสานกัน ในการเขียนโปรแกรม ผู้เขียนจะต้องเข้าใจขั้นตอนวิธี (อัลกอริทึม) และภาษาที่จะใช้เป็นอย่างดี จึงจะสามารถเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมเครื่องให้ทำงานได้ตามความต้องการ

2. การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์
                   

                   2.1 System investigation
                             เป็นขั้นตอนในการศึกษาความต้องการของผู้ใช้ซึ่งจะนำข้อมูลต่าง  ที่ได้มากำหนดความต้องการของระบบและศึกษาความเป็นไปได้ของการพัฒนาระบบ กรณีที่สามารถพัฒนาระบบงานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ จะดำเนินงานตามขั้นตอนขั้นต่อไป 

                   2.2 System analysis
                       เป็นขั้นตอนในการวิเคราะห์ในรายละเอียดถึงความต้องการต่างๆ ของผู้ใช้ระบบรวมทั้งความต้องการของหน่วยงานและระบบอื่นๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในด้านการประมวลผลทางด้านข้อมูลเข้า (input) ข้อมูลออก (output) หน่วยความจำ (storage) และควบคุมให้ได้ตรงตามความต้องการซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของระบบ

                   2.3 System design
                      เป็นขั้นตอนในการพัฒนาโปรแกรม โดยระบุถึงฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในระบบ เช่น อุปกรณ์และสื่อต่างๆ ที่ใช้ รวมทั้งซอฟต์แวร์ เช่น โปรแกรมและวิธีการดำเนินงาน (procedure) เป็นต้น บุคลากรในระบบ เช่น ผู้ใช้และผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งออกแบบโครงสร้างของข้อมูลทั้งในด้านข้อมูลเข้าข้อมูลออก การประมวลผลข้อมูล หน่วยเก็บข้อมูล (storage) และฟังก์ชันควบคุมของระบบใหม่ 

           2.4 Software development
                     เป็นขั้นตอนในการพัฒนาโปรแกรม โดยสร้างโปรแกรมขึ้นมาเพื่อให้สามารถทำงานได้ตามที่ได้ออกแบบระบบไว้

                   2.5 System implementation
          เป็นขั้นตอนของการใช้งาน โดยการนำเอาโปรแกรมที่พัฒนาสมบูรณ์ไปติดตั้ง ทำการทดสอบระบบรวมทั้งฝึกฝนให้ผู้ใช้ระบบสามารถปฏิบัติงานโดยใช้ระบบใหม่นี้ได้

                   2.6 System maintenance
                             เป็นขั้นตอนในการบำรุงรักษาระบบ โดยตรวจสอบหรือควบคุม         การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์และแก้ไขระบบเมื่อต้องการ